วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นางบุษบา

  • นางบุษบาเป็นธิดาของท้าวดาหาและประไหมสุหรีดาหราวาตี แห่งกรุงดาหา เมื่อตอนประสูติมีเหตุอัศจรรย์คือ มีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งวัง ดนตรี แตรสังข์ก็ดังขึ้นเองโดยไม่มีผู้บรรเลง
  • ประสูติได้ไม่นาน ท้าวกุเรปันก็ขอตุนาหงันให้กับอิเหนา บุษบาเป็นหญิงที่งามล้ำเลิศกว่านางใดในแผ่นดินชวา กิริยามารยาทเรียบร้อย คารมคมคาย เฉลียวฉลาดทันคนใจกว้างและมีเหตุผล จึงผูกใจให้อิเหนารักใคร่ใหลหลงนางยิ่งกว่าหญิงอื่น 
  • นอกจากนั้นบุษบายังเป็นลูกที่ดีอยู่ในโอวาทของพระบิดา พระมารดา ยอมแต่งงานกับระตูจรกา แม้ว่าจะไม่พอใจในความขี้ริ้วขี้เหร่ของระตูจรกาก็ตาม นางถูกเทวดาบรรพบุรุษ ของวงค์อสัญแดหวาคือ องค์ปะตาระกาหลาบันดาลให้ลมพายุหอบไป ทำให้นางต้องพลัดพรากจากอิเหนา และพระบิดาพระมารดาเป็นเวลาหลายปี กว่าจะได้พบอิเหนาและวิวาห์กัน โดยนางได้ตำแหน่งเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย
ลักษณะนิสัย
  • 1.บุษบาเป็นหญิงที่มาแบบฉบับของลูกที่ดีอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ แม้ว่านางจะไม่พอใจในรูปร่างของจรกา แต่นางก็ยอมที่จะไม่ทำตามใจตนเองเพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
  • 2. เป็นคนไม่เจ้ายศเจ้าอย่างหรือถือว่าตนสูงศักดิ์กว่านางจินตะหรา เห็นได้จากตอนที่จินตะหราได้ให้นางสการะวาตีและนางมาหยารัศมีมาเฝ้า บุษบาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
  • 3. เป็นคนไม่เหลาะแหละ รู้จักโต้เถียงแสดงความฉลาดรู้ทันอิเหนาและรักษาเกียรติของตนเองไม่ยอม หลงเชื่ออย่างง่ายๆ ในตอนที่อิเหนาพูดว่า 
    • "อันนางจินตะหราวาตี ใช่พี่จะมุ่งมาดปรารถนา 
    • หากเขาก่อก่อนอ่อนมา ใจพี่พาลาก็งวยงง……" 
  • จากที่อิเหนาพูดนี้ก็ทำให้นางบุษบารู้ว่าอิเหนาเจรจาเข้าข้างตัวเอง นางก็โต้ตอบว่าอย่ามาแกล้งพูดเลยว่าจะไม่เลี้ยงนางจินตะหราวาตี เพราะมีลายลักษณ์อักษรและใครๆก็รู้กันทั่วว่าอิเหนาไม่ต้องการนาง นางจึงโต้ตอบ เมื่ออิเหนาแก้ตัวว่าที่ลักนางมาก็ด้วยความรักว่า
    • " จะให้เชื่อพจมานหวานถ้อย จะได้ไปเป็นน้อยชาวหมันหยา 
    • เขาจะเชิดชื่อฤาชา ว่ารักสามีท่านกว่าความอาย 
    • อันความอัปยศอดสู จะติดตัวชั่วอยู่ไม่รู้หาย 
    • ร้อนใจอะไรเล่าเจ้าเป็นชาย ไม่เจ็บอายขายหน้าก็ว่าไป " 
  • และตอนที่ นางบวชเป็นแอหนัง (ชี ) แลัวถูกปันหยีขโมยกริชไป นางก็คร่ำครวญต่อว่าพี่เลี้ยงด้วยความรักเกียรติสตรีว่า 
    • "พี่แกล้งเป็นใจด้วยปันหยี เห็นคนอื่นดียิ่งกว่าข้า 
    • ในถ้อยคำที่ร่ำพรรณนา ว่าแสนเสน่หาอิเหนานัก 
    • เป็นไฉนจึงยกน้องให้ แก่ชาวไพร่ต่ำช้าบรรดาศักดิ์ 
    • กระนี้ฤาพี่เรียกว่ารัก พึ่งจะประจักษ์ในน้ำใจ 
    • สู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย 
    • ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรลัย จะตายในความซื่อสัตยา"
  • 4. เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองแม้ว่านางจะตกอยู่ในสภาพที่ถูกบังคับ โดยนางไม่ยอมทำตามผู้ใหญ่ ดังตอนที่ท้าวดาหามีดำรัสให้ขึ้นมาเข้าเฝ้าอิเหนา นางรู้ว่าจะให้ไปไหว้จึงเข้าไปนอนด้วยความเคืองไม่เข้าเฝ้าตามรับสั่ง จนเดือดร้อนถึงมะเดหวีต้องมาจัดการ แต่นางก็ไม่ออกมาโดยดีๆ ต้องผลักไสกัน
  • 5.มีความซื่อสัตย์ ได้รักษาตัวไว้รอคอยอิเหนา ดังกลอนว่า 
    • "ถึงมาตรสู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย 
    • แม้นชีวันจะบรรลัย จะตายในความซื่อสัตยา"
  • 6.ไม่มีจริตแง่งอน เมื่ออิเหนาลักพานางไปไว้ในถ้ำ ก็ยินยอมแต่โดยดี
  • 7.เมื่อเป็นชาย คือมิสาอุณากรรณก็ปฏิบัติตนกับระตูประมอตันอย่างบิดาของตน
  • 8.มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เช่น ระตูประมอตัน
  • 9.มีความกล้าหาญจนมีระตูมาขอเป็นเมืองขึ้นหลายเมือง
  • 10.ไม่มีความริษยาถือโกรธผู้ใด มีน้ำใจ เมื่อมารดาให้ไหว้นางจินตะหรา บุษบาก็ยอมตาม ดังที่นางกล่าวกับอิเหนาว่า 
    • "แม้นน้องรักทักท้วงหวงหึง พระองค์จึงห้ำหั่นเกศา 
    • เป็นถ้อยยำคำมั่นน้องสัญญา เชิญเสด็จเชษฐารีบคลาไคล" 
    • และนางยอมให้อิเหนายกจินตะหราเป็นประไหมสุหรีฝ่ายขวาแต่โดยดี ด้วยเห็นว่านางจินตะหราเป็นผู้มาก่อน แม้ว่าจินตะหราจะไม่ใช่วงศ์เทวัญฯ ข้อนี้ยากที่จะหาหญิงใดเสมอเหมือน
  • .... นับว่าบุษบาเป็นหญิงไทยในวรรณคดีที่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติคนหนึ่ง
    • อันลมปาก..หากหวาน..ก็หวานเด็ด
    • บอระเพ็ด...ก็ไม่มาก...เท่าปากขม
    • ถึงมีดคม...ก็ไม่มาก....เท่าปากคม
    • รสหวานขม...คมไม่มาก...เท่าปากคน 

จินตะหราวาตี




จินตะหราวาตี....
  • เรื่อง อิเหนา... เป็นผู้หญิงที่อิเหนาได้พบและหลงรักจนปฏิเสธการแต่งงานกับบุษบา แต่เมื่ออิเหนาจากไป..ก็ลืมเลือน 
  • ในดินแดนชวา(ประเทศอินโดนีเซีย)ที่เมืองหมันหยาเกิดข้าวยากหมากแพง มีพระขรรค์กับธงผุดขึ้นกลางเมือง ไม่มีใครถอนได้ 
  • ท้าวหมันหยาจึงประกาศว่า ผู้ใดสามารถถอนพระขรรค์กับธงได้จะแบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่งกับยกธิดาทั้งสามให้ (นางนิหลาอระตา ,นางดาหราวาตี, นางจินตาส่าหรี ) 
  • เทวดาสี่องค์ได้แปลงกายเป็นมนุษย์ ลงมาถอนพระขรรค์กับธงได้สำเร็จ ท้าวหมันยาก็ทำตามสัญญา แต่เทวดาทั้งสี่ขอรับแต่เพียงพระธิดา (สององค์) แล้วมาสร้างเมืองกุเรปัน ดาหา สิงหสาหรี่ กาหลัง ครอบครองเมืองละองค์ สืบวงศ์ศือสัญแดหวา (วงศ์เทวา) ต่อมาและนิยมแต่งงานกันในหมู่เครือญาติ 
  • เมื่อท้าวกุเรปัน กับนางนิหลาอระตาประไหมสุหรีได้พระโอรส ซึ่งก็คือ อิเหนา 
  • และทางท้าวดาหากับนางดาหราวาตีประไหมสุหรี ได้พระธิดาคือ บุษบา 
  • ทั้งสองฝ่ายจึงจัดการหมั้นหมาย (ตุนาหงัน) เด็กคู่นี้ ต่อมารดาของนางนิหลาอระตา สิ้นพระชนม์ นางนิหลาอระตากำลังครรภ์แก่ 
  • จึงใช้ให้อิเหนาไปร่วมพระศพแทน ที่เมืองหมันหยา อิเหนาได้พบกับจินตะหราครั้งแรก เมื่อเข้าเฝ้าท้าวหมันหยากับนางจินดาสาหรี่ประไหมสุหรี 
  • จินตะหราเป็นพระธิดาท้าวหมันยาองค์ปัจจุบันกับนางจินดาสาหรี่ประไหมสุหรี เกิดในปีเดียวกันกับอิเหนาแต่อ่อนเดือนกว่า จึงมีฐานะเป็นน้อง และด้วยความงามของนางที่ถูกบรรยายไว้ว่า
    • งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง ดำแดงนวลเนื้อสองสี
    • ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี นางในธานีไม่เทียมทัน
  • ซึ่งทำให้อิเหนาหลงใหลจนไม่อยากกลับบ้าน เพียรพยายามใกล้ชิดจินตะหรา ปาเตะขุนนางผู้ใหญ่ ที่มาหมันยาพร้อมกับอิเหนา จึงลอบมีหนังสือไปถึงท้าวกุเรปัน 
  • ท้าวกุเรปันกับนางนิหลาอะระตาเกรงว่าจะเกิดเรื่องยุ่ง จึงมีสาส์นไปถึงอิเหนา บอกว่าพระมารดาของอิเหนาใกล้คลอดและประชวรหนักให้อิเหนากลับเมือง 
  • ปรากฏว่าพระมารดาทรงคลอดแล้ว เป็นธิดาชื่อ นางวิยะดา ท้าวดาหาได้ขอหมั้นให้กับ สียะตราพระโอรส ของท้าวดาหา(น้องของบุษบา)
  • ท้าวกุเรปันเห็นพระโอรสกลับมาแล้วก็นัดหมายทางเมืองดาหาจะทำการอภิเษกอิเหนา กับบุษบา ทำให้อิเหนากระวนกระวายใจ จึงออกอุบายขอไปประพาสป่า 
  • อิเหนาได้ปลอมตัว เป็นโจรชื่อปันหยี เดินทางไปเมืองหมันหยาอีกครั้ง ในระหว่างทางได้รบชนะระตู(เจ้าเมืองรายทาง) ระตูถวายสองพระธิดาคือ นางสการะวตี นางมาหยารัศมีและพระโอรสสังคา มาระตาให้เป็นข้า
  • พอข่าวทัพปันหยีประชิดชายแดน ท้าวหมันหยาไม่คิดจะสู้ใช้ให้ผู้ใหญ่ออกไปยอมเเพ้ พร้อมกับจะยกจินตะหราให้ 
  • พออิเหนาเข้าเมืองหมันหยา ก็ส่งของบรรณาธิการให้ อันเชิญสู่ขอจินตะหรา แต่ท้าวหมันหยาไม่กล้ายกธิดาให้อิเหนาอย่างออกหน้า 
  • เพราะเกรงท้าวกุเรปันจะโกรธ จึงบ่ายเบี่ยงบอกให้อิเหนาเข้าหาจินตะหราเอง หากเกิดเรื่องราวจะได้อ้างว่า เด็กทำโดยพลการ ตัวท้าวหมันหยาไม่ได้รู้เห็นด้วย 
  • แรกรักนั้นหวาน อิเหนาถึงกับยอมขัดคำสั่งพระบิดาไม่เข้าพิธีอภิเษกกับบุษบาทำให้ ท้าวดาหาโกรธ ประกาศว่า "ถ้าใครมาขอบุษบา ก็จะยกให้" 
  • เมื่อมีระตูจรกา (รูปร่างขี้ริ้ว) มาสู่ขอ จึงยกให้เป็นคู่ตุนาหงัน (คู่หมั้น) ต่อมาทางเมืองดาหา เกิดศึกชิงบุษบาขึ้น 
  • ท้าวกุเรปันมีราชสาสน์ ถึงอิเหนาให้ยกทัพไปช่วย ถ้าไม่ทำตามจะตัดพ่อลูกกัน อิเหนาจำใจไปช่วยเมืองดาหารบ ก่อนออกเดินทางจึงลาจินตะหราอย่างอาลัยอาวรณ์ 
  • นี่แหละที่ทำให้จินตะหราต้องผิดหวัง อย่างรุนแรง เพราะอิเหนาไปรบแล้วไม่กลับมาหมันหยา
  • อีก ทั้งยังไปหลงรักบุษบาเข้า ลืมเลือนจินตะหราวาตี แห่งเมืองหมันหยา 
  • กว่านางจะได้พบหน้าอิเหนาอีกครั้ง เมื่อท้าวกุเรปันมีสาส์นมาเรียกตัวนางไปเข้าพิธีอภิเษกพร้อมกับบุษบาและอิเหนา
  • จินตะหราน้อยใจมากจนไม่อยากไปเข้าพิธี แต่เสียอ้อนวอนของท้าวหมันหยาไม่ได้  จึงพานางสการะวาตีและนางมาหยารัศมี ไปด้วยกัน 
  • ในพิธีอภิเษก จินตะหราได้ตำแหน่งประไหมสุหรีฝ่ายขวา ส่วนบุษบาตำแหน่งประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย ด้วยความเห็นชอบของท้าวดาหา (อาจจะเป็นเพราะท้าวดาหาต้องการแสดงพระทัยกว้าง จึงเสนอให้ธิดาของตนอยู่ในตำแหน่งรอง) 
  • แต่จินตะหราไม่เป็นสุขกับตำแหน่งที่ได้มานัก เพราะรู้ว่าอิเหนาไม่ได้รักใคร่ใยดีนางเหมือนเก่าก่อน ประกอบกับนางเป็นคนถือทิฐิ จึงไม่ยินยอมคืนดีด้วย 
  • เมื่ออิเหนามาหาทั้งนางยังทวงสัญญา ทำให้อิเหนาเสื่อมรักนางไปมาก และยิ่งเบื่อจินตะหรามากขึ้น และไม่คิดสนใจจินตะหราอีก หากแต่ขัดคำสั่งของประไหมสุหรีท้าวดาหา (แม่ของบุษบา)ไม่ได้ จึงจำใจไปง้อนาง 
  • จะเห็นว่ารักอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน  โดยเฉพาะ ความรักที่ถือเอาความงามเป็นบรรทัดฐานแบบอิเหนา
  • เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงท้าวหมันหยากับประไหมสุหรีหมันหยา จึงเรียกจินตะหราไปตักเตือน ซึ่งทำให้จินตะหรายอมรับสภาพความเป็นจริงว่า ตนอยู่ในฐานะเสียเปรียบบุษบามากแล้ว 
  • ถ้ายังขืนทำตัว อย่างที่ผ่านมาจะยิ่งมีสภาพแย่กว่าเก่า จึงยอมคืนดีกับอิเหนา และอ่อนข้อ เข้าหาบุษบา
  • ชีวิตนางในวรรณคดีของจินตะหราวาตีนี้ได้รับการดูถูกไม่ทางตรงก็ทางอ้อม จากบุษบา วิยะดา (น้องสาวอิเหนา) สการะวาตี และนางมาหยารัศมี

นางละเวง




นางละเวง..

เวทย์มนต์กับภาพวาดมนตรา
.....
  • จากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี หลายๆ คนคงจะได้รู้จากนางละเวงวัณฬา กษัตริย์สาวแห่งเมืองลังกา ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตรกับนางสุวรรณมาลี และพระอภัยมณี 
  • มาจากการที่นางสุวรรณมาลีสลัดรักอุศเรน (พระเชษฐาของนางละเวง อุศเรนพกความแค้นจึงยกทัพมาทำสงครามกับเมืองผลึก พลาดท่าถูกพระอภัยมณีจับเป็นเชลย 
  • ข่าวนี้รู้ถึงเจ้าลังกา พระบิดาของอุศเรนและนางละเวง ก็ตรอมใจตาย นางละเวงวัณฬา เจ้าหญิงวัยสิบหก นางได้ขึ้นครองเมืองลังกาแทนพระราชบิดา 
  • และสิ่งแรกที่นางทำคือ ล้างแค้นให้กับพ่อและพี่ โดยมีสังฆราชบาทหลวงที่ปรึกษาให้การสนับสนุน นางละเวงได้ให้ช่างวาดเขียนภาพนาง ด้วยสีผสมยาเสน่ห์ แล้วส่งไปให้เจ้าเมือง 
  • บุคคลแรกที่มาเจอรูปนางคือ เจ้าละมานกษัตริย์พ่อหม้าย เจ้าละมานที่หลงรูปนางก็รีบยกทัพออกจากเมือง เพื่อไปทำสงครามกับพระอภัยมณี แต่กลับพลาดถ้าแพ้ต่อพระอภัยมณี 
  • รูปอถรรพ์ของนางจึงตกไปถึงมือพระอภัยมณี พระอภัยเองก็หลงรูปนางละเวงแทบเป็นบ้าเป็นหลัง กระทั่งสุดสาครแก้เสน่ห์ให้ พระอภัยจึงมีสติดีขึ้น 
  • แล้วทรงกำลังกับศรีสุวรรณและสินสมุทร ที่ตีทัพอาสาที่ยกมาล้องเมืองผลึก หลังจากเสร็จศึก พระอภัย ได้กำจัดนางละเวงซึ่งเป็นต้นเหตุสงคราม 
  • โดยยกทัพข้ามน้ำข้ามทะเลมาจู่โจมลังกา เป็นการโต้ตอบ ที่ทำให้นางละเวงหนักใจที่สุดกลับมิใช่ศึกสงครามแต่เป็นศึกรักที่นางกับพระอภัยก่อขึ้น
  • เมื่อต้องการหย่าศึก นางละเวงและธิดาบุญธรรมทั้งสองคือ นางยุพาผกากับนางสุวาลีวัน พร้อมด้วยนางรำภาสะหรี จึงลอบดำเนินแผนนางงาม 
  • ล่อจนพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทร และสุดสาคร ที่เป็นนายทัพคนสำคัญ ต่างตกเข้ามาในบ่วงเสน่หาหมดสิ้น ศึกระลอกใหม่เกิดตามติดมาทันที 
  • และผู้เป็นนายทัพคือนางสุวรรณมาลี ราชินีแห่งเมืองผลึก ผู้เป็นว่าที่พี่สะใภ้ในอดีต และเป็นมเหสีเอกของพระอภัยในปัจจุบัน 
  • ศึกนี้จบลงได้เพราะพระฤาษีแห่งเกาะแก้วพิสดารมาแก้อาถรรพ์ยาเสน่ห์ พร้อมกับเทศนาไกล่เกลี่ย จนทั้งหมดละความอาฆาตรพยาบาทคืนดีกันได้ 
  • พระอภัยจึงได้ยกทัพเดินทางกลับสู่เมืองผลึกพร้อมกับนางสุวรรณมาลี ในขณะนางละเวงกำลังทรงครรภ์ และต่อมาได้ประสูติพระโอรส มังคลา
  • โอรสของนางอายุได้สิบห้าปี นางละเวงวัณฬาก็มอบราชสมบัติให้ปกครอง สังฆราชบาทหลวงได้ยุยงให้มังคลาก่อศึก แต่มังคลากับพ่ายแพ้ จึงหลบหนีไปกลับสังฆราช 
  • พอศึกเลือดนี้ยุติลง พระอภัยจึงทรงออกบวชเป็นฤาษี นางละเวงที่เคยสรัทธาต่อพระฤาษีแห่งเกาะแก้วพิสดาร จึงตัดสินใจออกบวชตามพระอภัยมณี พร้อมกับนางสุวรรณมาลี 
  • แล้วทั้งสามก็บำเพ็ญเพียรอยู่ ณ เขาสิงคุตร์ด้วยกันตลอดไป สิ่งที่ทำให้นางละเวงเป็นสุขใจในช่วงบั้นปลายแห่งชีวิต คงไม่มีอะไรเกินกว่านางและพระอภัยมณีกับนางสุวรรณมาลี 
  • ที่บวชแล้วสามารถห้ามลูกหลานได้ โดยเฉพาะมังคลารู้สึกกลับตัวกลับใจ อยู่ร่วมกับญาติอย่างมีความสุข

นางสีดา



  • นางสีดา...เป็นธิดาของพญายักษ์ทศกัณฐ์ กับนางมณโฑ ผู้เป็นมเหสีรอง (ไม่ผิดค่ะ เป็นลูกทศกัณฐ์จริงๆ! - -*) 
  • ความจริงเเล้วก่อนจะมาเกิดเป็นนางสีดา นางคือ "พระลักษมี" เทพชายาแห่ง "พระนารายณ์" ผู้ปกครองเกษียณสมุทร (ทะเลน้ำนม) 
  • เมื่อพระนารายณ์ต้องแบ่งภาคมากำเนิดบนโลกมนุษย์เพื่อปราบพญายักษ์ทศกัณฐ์ พระลักษมีเทพชายาจึงขอแบ่งภาคตามมาเกิดด้วย..
  • เมื่อแรกเกิด นางได้ร้องออกมาว่า "ผลาญยักษ์" สามครั้ง พิเภก (น้องชายทศกัณฐ์) ทำนายว่านางเป็นตัวกาลกิณี ในอนาคตจะทำให้กรุงลงกาวอดวาย ทศกัณฐ์และนางมณโฑจึงจำใจยอมให้พิเภกนำทารกน้อยไปทิ้งที่แม่น้ำ...
  • น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่เมื่อทารกน้อยนี้สัมผัสน้ำ ก็พลันมีดอกบัวขึ้นมารองรับนางไว้ ดอกบัวลอยไปจนถึงอาศรมของฤาษีชนก หรือท้าวชนกผู้ครองเมืองมิถิลา ผู้เบื่อหน่ายกับชีวิตทางโลกจึงออกมาบำเพ็ญพรตแทน...
  • ฤาษีชนกเห็นทารกน้อยก็เก็บมาเลี้ยง โดยนำทารกใส่ผอบ (อ่านว่า ผะ-อบ หมายถึงภาชนะใส่ของชนิดหนึ่งค่ะ^^) แล้วฝากเทวดานางฟ้าไว้ พร้อมขุดหลุมฝังผอบ...
  • หลายสิบปีต่อมา...ฤาษีชนกก็ยังไม่สำเร็จญาณเสียที จึงคิดจะกลับไปครองเมืองดั่งเดิม พลันก็คิดถึงทารกเพศหญิงที่ตนฝากเทวดานางฟ้าดูแลไว้ จึงสั่งให้คนรับใช้ขุดหลุมหาจนทั่วอาศรม แต่ก็ไม่เจออะไรเลย...
  • คราวนี้ ฤาษีชนกจึงเป็นผู้หาเอง โดยเอาคันไถมาขุดลากหา และอธิฐานให้เจอผอบที่ฝังไว้ ในที่สุดก็พบผอบนั้นจนได้
  • ฤาษีชนกเปิดผอบก็พบกับหญิงสาวโฉมงามดั่งนางฟ้า จึงรับหญิงสาวเป็นธิดาบุญธรรมและให้นามนางว่า "สีดา" แปลว่า "รอยคันไถ" เพราะต้องไถจนดินเป็นรอยคันไถกว่าจะเจอผอบที่นางอยู่
  • ฤาษีชนกกลับเมืองมิถิลา พระมเหสีดีใจมากที่ได้ธิดางามเลิศ เนื่องจากท้าวชนกและมเหสีไม่เคยมีบุตร...
  • เวลาผ่านล่วงเลยไป...สีดาเติบโตเป็นสาวรุ่น งดงามเป็นยิ่งนัก ท้าวชนกจึงคิดหาคู่ครองให้ โดยมีพิธียกธนูโมลี ธนูศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ใครยกธนูนี้ได้จะได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสีดา
  • ความงามของนางสีดาเป็นที่ลื่อเลื่องอยู่แล้ว เมื่อถึงวันพิธีจึงมีชายหนุ่มมากมายมาร่วมพิธี ไม่มีใครยกธนูโมลีได้ซักคน ยกเว้น... "องค์ชายราม" โอรสแห่งกษัตริย์เมืองอโยธยาเท่านั้น...
  • นางสีดามีใจให้พระรามอยู่แล้ว...ทั้งสองจึงได้อภิเษกสมรสกัน (พระรามคือพระนารายณ์เทพสวามีของพระลักษมีที่แบ่งภาคลงมาเกิด)
  • นางสีดาตามพระรามกลับเมืองอโยธยา ไปเป็นมเหสีพระรามที่นั่น ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข จนพระรามมีเหตุจำเป็นที่ต้องออกบวชเป็นเวลาสิบสี่ปี โดยมี "พระลักษมณ์" น้องชายต่างมารดาของพระรามติดตามมาด้วย โดยนางสีดาก็ติดตามไปดูแลพระรามไปในป่า 
  • ระหว่างที่บวชอยู่นั่นเอง...ที่ทศกัณฐ์มาแอบหลงรักนางสีดา เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน ทศกัณฐ์จึงวางแผนชิงตัวนางสีดาไปอยู่ด้วยที่เมืองลงกา พระรามก็ตามมา จึงเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น
  • ตลอดเวลาที่สีดาอยู่ที่เมืองลงกา นางก็เฝ้าจงรักภักดีกับพระรามเสมอมา ไม่ใจอ่อนให้ทศกัณฐ์เลยแม้แต่น้อย...
  • สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ถูกพระรามสังหารได้สำเร็จ นางสีดาได้กลับมาอยู่กับพระรามดั่งเดิม แต่ก่อนหน้านั้นนางได้ขอทำพิธีลุยไฟ เพื่อเเสดงให้เห็นว่านางมีพระรามแค่คนเดียว ก่อนลุยไฟนางกล่าวว่า
  • "ข้าของตั้งสัจจะวาจาว่า หากข้าประพฤติชอบ มีสวามีเพียงหนึ่ง ขอให้ไฟนี้อย่าได้กล้ำกราย แต่หากข้าไม่เป็นเช่นนั้นขอให้ไฟนี้มอดไหม้ข้าให้สิ้นไป..."
  • และแล้วระหว่างที่นางลุยไฟ ก็มีดอกบัวมาห่อหุ้มพระบาท (เท้า) เอาไว้ ไม่ให้ไฟมาทำอันตรายได้...
  • พระรามพาสีดากลับเมือง ครองเมืองอโยธยาแทนท้าวทศรถผู้เป็นบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยแต่งตั้งนางสีดาให้เป็นมเหสี...
  • แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อ "นางอาดูร" หลานสาวของทศกัณฐ์ที่มีความแค้นเคืองสีดามาแปลงกายเป็นนางกำนัลในตำหนัก ขอร้องให้สีดาวาดรูปทศกัณฐ์ให้ดู แล้วเข้าสิงรูปนั้น ทำให้ไม่สามารถลบออกได้ 
  • พระรามรู้เข้าก็โกรธ หาว่านางสีดายังมีใจคิดถึงทศกัณฐ์ ไม่ฟังคำนางสีดาเลย ทั้งยังสั่งประหารนางสีดาอีกด้วย ทั้งๆที่ตอนนั้น...นางสีดากำลังมีครรภ์อ่อนๆ (ทำลงเนอะ)
  • แต่โชคดีที่นางสีดารอดมาได้ จากการช่วยเหลือของพระลักษมณ์ นางไปอาศัยอยู่ที่อาศรมของฤาษีตนหนึ่ง และคลอดโอรส นามว่า "พระมงกุฎ" และฤาษีก็เสกโอรสที่หน้าตาเหมือนกันแต่ผมสีแดง (เนื่องจากกำเนิดจากไฟ) ให้นามว่า "พระลบ"
  • ต่อมาพระรามรู้ความจริงและออกตามหานางสีดา แต่นางสีดาโกรธไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมอบพระมงกุฎและพระลบให้ แต่ตัวนางเองไม่ได้คืนสู่อโยธยาแต่อย่างใด...
  • ร้อนถึงพระอิศวร (พระศิวะ) ต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองคืนดีกัน หลังจากนั้น...ทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข...

น า ง ลั ก ษ ณ า ว ดี



....น า ง ลั ก ษ ณ า ว ดี.......


เป็นนางในเรื่อง ลิลิตพระลอ...ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือกล่าวถึง.....
ลักษณาวดี เราอาจจะเอ๊ะ! เธอคือใคร แต่ถ้าเราอ่านเรื่องพระลอดีๆ เธอคนนี้คือภรรยาคนแรกของพระลอ นั้นเอง
เธอคนนี้อาจจะเรียกได้ว่ารันทดขั้นแอดวานซ์ ในบรรดานางในวรรณคดีก็ว่าได้ เพราะเธอต้องเสียสามีไปให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้
แถมไม่แถมสามี ยังต้องไปตายพร้อมกับอินังสองคนนั่นอีก (หมายถึงพระเพื่อนพระแพง)
ซึ่งถ้าจะพูดจริงๆ ถ้าบทของลักษณวดีเด่นพอๆ กับพระเพื่อน-พระแพง บทพระเพื่อน-พระแพง จะกลายเป็นนางร้ายแย่งผัวชาวบ้านทันที ไม่ใช่นางเอกแบบที่เป็นอยู่หรอก.......
รู้สึกประทับใจในบทวรรณคดี ตอนพระลอได้ฟังพระนางลักษณาวดีทูลทัดทาน พระลอจึงตรัสตอบนางดังคำประพันธ์ว่าดังนี้

  • ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
  • คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
  • คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา
  • ตามแต่บาปบุญแล้ ก่อเกื้อรักษา

ไ ก ร ท อ ง




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไกรทอง
ไ ก ร ท อ ง


..... นางวิมาลาและนางเลื่อมลายวรรณ...เป็นนางจระเข้โฉมงามสองศรีภรรยาของพญาจระเข้ชาละวัน โดยนางวิมาลาเป็นภรรยาหลวง นางเลื่อมลายวรรณเป็นภรรยาน้อย…
เมื่อครั้งที่ชาละวันสวามีขอพวกนางไปลักพานางตะเภาทองลูกสาวพระพิจิตรมาที่ถ้ำทอง นางทั้งสองโกรธมากจนปรี่มาทุบประตูห้องแล้วลงมือตบตีนางตะเภาทอง แต่ชาละวันมาห้ามไว้ได้ทัน
ตลอดเวลาที่ชาละวันพานางตะเภาทองมาอยู่ด้วย นางทั้งสองคัดค้านอย่างหัวชนฝา นางทั้งสองกล่าวว่า "เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร" ทั้งยังขอร้องให้ชาละวันเอานางตะเภาทองไปคืน
ตอนที่ชาละวันถูกมีดหมอลงอาคมของไกรทองจนได้รับบาดเจ็บปางตาย เลือดท่วมตัวก็ได้นางทั้งสองมาดูแลตลอดเวลา...ทั้งนางวิมาลาและนางเลื่อมลายวรรณนั้นรักและห่วงชาละวันมาก
น่าเสียดายที่ชาละวันไปลุ่มหลงนางตะเภาทองจนไม่เห็นถึงความรักและความห่วงใยของพวกนาง…
ครั้งที่ไกรทองจุดเทียนระเบิดน้ำมาที่ถ้ำทอง...พวกบริวารจระเข้เห็นไกรทองท่าทางเหมือนจะเป็นผู้ที่ทำร้ายนายตนจนปางตายก็กลัวจนหัวหด หนีไปเสียหมด
ไกรทองเปิดประตูห้องทีละห้องเพื่อหานางตะเภาทอง แต่พอมาถึงห้องหนึ่งก็พบหญิงสาวโฉมงามนั่งอยู่ในห้อง ซึ่งหญิงสาวโฉมงามนางนั้นก็คือ "นางวิมาลา" ภรรยาหลวงของชาละวันนั่นเอง!!!
ไกรทองพยายามขู่วิมาลาให้บอกว่าชาละวันอยู่ไหน แต่นางวิมาลาก็ปัดป้องและไม่ยอมบอกท่าเดียว เสียงวี๊ดว๊ายของวิมาลาทำให้ชาละวันที่รักษาตัวอยู่รีบมาดู เห็นไกรทองกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับเมียตนก็โมโห จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น…
ทั้งสองสู้กันได้ไม่นาน ชาละวันก็พ่ายแพ้ พญาจระเข้ในร่างชายหนุ่มรูปงามมีบาดแผลเต็มตัว กลายเป็นจระเข้สิ้นฤทธิ์ไปในทันที…
ฝ่ายนางวิมาลาเห็นสวามีสิ้นฤทธิ์เช่นนั้นก็ร้องไห้เสียใจ เป็นห่วงชาละวันใจแทบจะขาด แต่ความรักตัวกลัวตายของนางก็มีมากเช่นกัน นางจึงรีบชวนเลื่อมลายวรรณหนีออกจากถ้ำทองไปตั้งหลักก่อน
หลังจากที่ชาละวันตาย...ไกรทองได้แต่งงานกับนางตะเภาแก้วและตะเภาทองแล้ว...นางวิมาลาและเลื่อมลายวรรณก็กลับมาที่ถ้ำ พวกนางร้องห่มร้องไห้คิดถึงชาละวัน น่าเวทนายิ่งนัก
ฝ่ายไกรทองนั้น...แม้จะเเต่งงานมีความสุขกับภรรยามนุษย์ทั้งสอง ก็ยังไม่เคยลืมเลือนดวงหน้าอันงดงามของนางวิมาลา ภรรยาของชาละวัน
จึงหลอกนางตะเภาแก้วและตะเภาทองว่าจะเดินทางไปเยี่ยมอาจารย์ผู้สอนสั่งวิชาอาคมให้ นางทั้งสองก็หลงเชื่อปล่อยไกรทองไป ไกรทองรีบจุดเทียนระเบิดน้ำไปยังถ้ำทองทันที
พวกบริวารจระเข้เห็นไกรทองก็จำได้ ว่ายน้ำหนีหายกันไปหมด
นางวิมาลาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็เดินออกมาดู เห็นไกรทองเดินตรงเข้ามาหานาง นางก็รีบปิดประตูลงกลอนประตูทันที พลางร้องไห้อยู่ในห้อง
ไม่ว่าไกรทองจะพูดจาหว่านล้อมนางยังไง...วิมาลาก็ไม่ยอมใจอ่อน นางร้องไห้อยู่ในห้องพลางตัดพ้ออีกว่า
"ไอ้มนุษย์ใจร้าย...เจ้าฆ่าผัวข้าแล้วยังจะมาเอาอะไรกับข้าอีก!"
ไกรทองเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้แล้ว จึงร่ายมนตร์เปิดประตู พลันประตูก็เปิดออกทันที (มีมนตร์ก็ไม่ใช้ตั้งแต่แรกเนอะ - -*) พลางเข้าปลอบโยนวิมาลาที่ร้องไห้อยู่ แต่วิมาลากลับทุบตีด้วยความเคียดแค้น พอหมดแรงทุบตีแล้วนางก็ร้องไห้อยู่ท่าเดียว…
สุดท้ายไกรทองจึงร่ายมนตร์ให้นางวิมาลาหลงรักตน ฝ่ายนางวิมาลานั้นเมื่อต้องมนตร์ก็หลงรักเจ้าหนุ่มไกรทองทันที (ง่ายๆอย่างนี้เลยรึ? o[]o!)
ไกรทองอยู่กับวิมาลาที่ถ้ำทองได้ซักพักก็พานางจระเข้ขึ้นมาบนบก พร้อมร่ายมนตร์ใส่แหวนผูกไว้ที่มวยผมนางเพื่อให้นางยังคงอยู่ในร่างมนุษย์ที่งดงาม
ทว่าเมื่อนางตะเภาแก้วตะเภาทองรู้เรื่องนางวิมาลา ก็โกรธมากและเข้าตบตีวิมาลา ผมนางวิมาลาหลุดกระเซอะกระเซิง แหวนจึงหลุดจากมวยผม วิมาลากลายเป็นจระเข้ทันที
ทีนี้พี่น้องสองศรีแห่งเมืองพิจิตรก็ไม่กล้าทำร้ายนางอีก ไกรทองทำท่ารำคาญภรรยามนุษย์ทั้งสองเต็มทน แล้วขอให้วิมาลากลับถ้ำไปก่อน ตนจะตามไปทีหลัง
เมื่อไกรทองจัดการด้านภรรยามนุษย์เรียบร้อยแล้ว ก็ตามมาหานางวิมาลาที่ถ้ำทอง ภายหลังไกรทองได้เลื่อมลายวรรณเป็นภรรยาอีกคน
สุดท้าย...นางวิมาลามีบุตรชายกับไกรทอง คือ "ไกรวงศ์" และนางเลื่อมลายวรรณมีบุตรชายกับไกรทอง คือ "ไกรเวช"

พ ร ะ ร ถ เ ม รี


พ ร ะ ร ถ เ ม รี....
ภาคต่อจากเรื่อง นางสิบสอง


  • สนธมารขอธิดาองค์หนึ่งของพญายักษ์มาเลี้ยง พญายักษ์ยอมยกธิดาเมรี ให้นางยักษ์สนธมารเพื่อเป็นลูกเลี้ยง ส่วนเภา ได้คลอดลูกชายในถ้ำ โดยตั้งชื่อว่ารถเสน เทวดาต้องการช่วยพระรถเสน จึงเนรมิต ลูกไก่ชื่อ เจ้าก๊อก เพื่อมาช่วยพระรถเสน เจ้าก๊อกช่วยขย่มต้นไม้ให้ผลร่วงลงมาในโพรงถ้ำ.
  • ทำให้นางสิบสองมีผลไม้กินไม่อดอยาก เมื่อโตขึ้น ก๊อก ช่วยเอาเชือกหย่อนลงจากโพรงถ้ำให้พระรถเสนปีนขึ้นมาได้ เวทย์มนต์ของนางยักษ์ทำให้พระรถสิทธิ์ ลืมนางสิบสองจนหมดสิ้น ขณะที่พระรถเสนก็ได้เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มรูปงาม พระรถเสนออกไปเดินเล่นในเมืองได้พบเจ้าเมืองกุตารนคร จึงถามแม่เภาบอกว่า พระรถสิทธิ์คือพระบิดา
  • ขณะเดียวกัน ณ เมืองทานตะวัน เมรี ได้เติบโตเป็นสาว เริ่มสงสัยว่าตัวเองไม่เหมือนกับยักษ์ในเมืองทานตะวัน และ ยังสงสัยว่าทำไมจึงไม่เคยเห็นหน้าเสด็จพ่อ สนธมารโกหกว่า พ่อเมรีตายไปแล้ว แล้วยังห้ามเมรีออกนอกเมือง อ้างว่าจะถูกพวกมนุษย์ทำร้าย
  • ก่อนกลับไปยังกุตารนคร พระนางสนธมารพยายามแนะนำ ขรรชัย ยักษ์หนุ่ม ลูกชาย เจ้าเมืองยักษ์ ให้ แต่เมรีไม่สนใจ ขณะที่รถเสน ได้เลี้ยงเจ้า ก๊อก จนโตเป็นไก่ชน เอาไปแข่ง เพื่อแลกข้าวนำไปเลี้ยงแม่ และป้า ๆ ทั้งสิบสอง
  • ขณะเดียวกัน ท้าววัตถา ซึ่งมีไก่ชนที่เก่งมาก ได้ขอท้าพนันชิงเมืองกับท้าวรถสิทธิ์ ท้าวรถสิทธิ์ ได้หาไก่ชนที่เก่งที่สุดในเมืองเพื่อมาสู้กับไก่ของท้าววัตถา พระรถเสนนำเจ้าก๊อก ไปแข่งจนชนะ พระรถสิทธิ์ ถามว่าอยากได้อะไรเป็นรางวัล พระรถเสนขอแค่ข้าวสิบสองห่อ ให้แม่และป้า ๆ ที่ถูกขังอยู่ในถ้ำ พระรถสิทธิ์สงสัย ความจำเริ่มกลับคืนมา พระนางสนธมารรู้เข้าจึงหาทางกำจัด
  • พระนางสนธมารแกล้งป่วย บอกพระรสสิทธิ์ว่าต้องเสวยผล มะม่วงหาว มะนาวโห่ เท่านั้น โดยให้พระรถเสนไปเอาที่เมืองทานตะวัน อ้างว่าพระรถเสนมีบุญญาธิการ
  • นางสิบสองรู้เข้า คิดว่านางยักษ์ต้องมีแผนชั่ว จึงบอกพระรถเสนไม่ให้ไปเมืองทานตะวัน พระรถเสนบอกว่านี่เป็นโอกาสที่จะเข้าไปยังเมืองทานตะวัน เพื่อนำตาของแม่และป้า ๆ กลับมาคืน ขณะที่เมรีได้แอบออกนอกวัง และได้พบมนุษย์ และเริ่มรู้สึกสงสัยว่าตัวเองจะไม่ใช่ยักษ์แท้ ๆ ดังที่พระนางสนธมารบอก พระนางสนธมาร เขียนจดหมายถึงเมรี ให้พระรถเสนนำไปให้ โดยบอกให้เมรีฆ่าพระรถเสนทันทีที่ไปถึงเมือง
  • พระรถเสนเลือกม้าสำหรับเดินทาง เทวดาส่งเจ้า สีสวาท ม้าวิเศษพูดได้มาให้ แล้วดลใจให้พระรถเสนเลือกเจ้าสีสวาท พระรถเสนออกเดินทางไปยังเมืองทานตะวัน ดังที่พระนางสนธมารบอก โดยพาเจ้าก๊อกไปด้วย
  • ระหว่างทาง พระรถเสน ได้ไปพักกับฤาษี ฤาษีได้อ่านจดหมายที่พระรถเสนนำมาด้วย พบว่าพระรถเสนกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงเปลี่ยนข้อความในจดหมายจากให้ฆ่าเป็นให้ครองเมืองแทน
  • ขณะที่เมรี ได้พบว่ามนุษย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พระนางสนธมารบอกไว้ และแอบปล่อยมนุษย์ออกจากที่คุมขัง พระรถเสนมาที่เมืองทานตะวัน แล้วยื่นสาสน์ให้นำไปให้เมรี เมรีได้อ่านสาสน์ที่ฤาษีเปลี่ยนข้อความแล้ว
  • จึงได้สั่งให้พวกยักษ์แปลงตัวเป็นคนทั้งหมด แล้วให้พระรถเสนครองเมืองตามคำสั่ง และจัดงานอภิเษกขึ้น โดยไม่ฟังคำทัดทานของขรรชัย ที่ไม่เชื่อว่าข้อความในจดหมายจะเป็นของพระนางสนธมารจริง
  • เมื่อพระรถเสนได้พบกับเมรี ก็หลงรักและขอแต่งงาน พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พระรถเสนเริ่มสงสัยชาวเมือง เพราะเภาผู้เป็นแม่เคยบอกว่าที่นี่เป็นเมืองยักษ์
  • พระรถเสนจึงหาทางหนี และขโมยดวงตาของแม่และป้าทั้งสิบสองกลับคืนมา แต่ไม่พ้นสายตาของภูติเงาที่จับตาดูอยู่ ภูติเงาไปบอกเมรีว่าพระรถกำลังจะหนี
  • ขณะที่เมรีเริ่มรู้ความจริงว่าตนเองมีเชื้อสายมนุษย์ และไม่ใช่ธิดาที่แท้จริงของพระนางสนธมาร เมื่อรู้ว่าพระรถจะหนีออกจากเมือง จึงคิดจะหนีตามไปด้วย โดยปรึกษานมยักษ์ที่รู้สึกเห็นใจพระนางเมรี และคิดจะช่วย
  • นมยักษ์บอกว่าให้นำมะม่วงหาว มะนาวโห่ไปด้วย จะทำให้ทั้งสองรักกันได้ แต่ที่สำคัญ เมรีจะต้องมั่นใจว่า พระรถเสนรักเมรีจริง โดยที่ไม่สนใจว่าเมรีจะเป็นยักษ์เมรี ไม่บอกความจริงกับรถเสน เพราะกลัวว่า พวกยักษ์ด้วยกันจะรู้ และขัดขวางการหนี แต่แอบหาทางช่วยให้พระรถเสน เข้าไปขโมยดวงตาของแม่และป้า
  • พระรถเสนได้เข้าไปหอคอย ไปเอาดวงตามาได้ และได้หยิบเอาไม้เท้าวิเศษของนางยักษ์สนธมารมาด้วย เมรีแกล้งบอกพวกยักษ์ว่าพระรถเสนจะหนีไปทางด้านหน้า
  • พวกยักษ์จึงพากันไปดัก เมรีจะรีบไปบอกพระรถเสนว่าให้หนีไปอีกทาง และจะหนีไปด้วยกัน แต่ถูกขัดขวางไว้ พระรถเสนเจอพวกยักษ์ดักอยู่ เข้าใจผิดคิดว่าเมรีจะให้พวกยักษ์มาฆ่าตน จึงขี่ม้าวิเศษเหาะหนีไปอีกทาง
  • เมรีตามมา แต่ไม่สามารถข้ามแม่น้ำได้ เพราะพระนางสนธมารได้ใช้เวทย์มนต์วิเศษที่ป้องกันไม่ให้มนุษย์ข้ามไปได้ เมรีมีเชื้อสายมนุษย์ จึงไม่สามารถข้ามน้ำไปได้
  • พระรถเสนคิดว่าเมรีไม่ได้รักตน จึงขี่ม้าบินหลบหลีกเวทย์มนต์ หนีไปได้ เมรีเสียใจมาก ก่อนจะอธิษฐานว่า ชาติหน้าขอให้พระรถต้องเป็นฝ่ายตามหาตนเองบ้าง ก่อนจะกลั้นใจตาย พระรถกลับมายังกุตารนคร ใช้ไม้เท้าวิเศษฆ่านางยักษ์สนธมารตาย และนำดวงตาของนางสิบสองกลับมาช่วยแม่และป้าได้สำเร็จ
  • พระรถเสนได้ครองเมือง แต่ไม่เคยลืมเมรีพระมเหสีที่รักเลย เมรี่ อธิษฐานก่อนตายว่าชาตินี้ตนเป็นฝ่ายตามพระรถ ชาติหน้าขอให้พระรถเป็นฝ่ายตามนางมั้ง

พระเพื่อนพระแพง




วรรณคดี
เรื่องพระลอหรือ พระเพื่อนพระแพง
เป็นที่มาของคำว่า..
รั ก ที่ ต้ อ ง ม น ต์ ต ร า


  • กล่าวถึงความรักที่กลายเป็นความหลงใหลของหนุ่มสาวสองเมืองที่อดีตมีความแค้นเคืองต่อกันมาก่อน ด้วยความรักที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมความรักขึ้น 
  • แต่ถึงจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในด้านเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นลิลิตที่บรรยายความได้ลึกซึ้งกินใจ ถึงบทรัก เศร้าโศกและธรรมชาติ
  • มีหลายบทที่นำมาท่องกันจนจำขึ้นใจ นางเอกวรรณคดีเรื่องนี้ มีสองพี่น้องคือพระเพื่อนพระแพง เป็นนางเอกที่มีรูปโฉมสคราญ และเป็นถึงลูกเจ้าผู้ครองนคร 
  • แต่เรื่องความรักไม่เข้าใครออกใครไม่ว่าชนชั้นระดับใด เมื่อรักจนหลงแล้ว ก็ลืมความผิดชอบชั่วดี ผิดถูกได้ทั้งสิ้น
  • พระลอ เป็นกษัตริย์รูปงาม ผู้ครองนครแมนสรวงสืบเนื่องต่อจากท้าวแมนสรวงพระราชบิดา เป็นกษัตริย์หนุ่มรูปงามที่มีกิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วทิศ
    • เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
    • เสียงย่อมยอ ยศใคร ทั่วหล้า
    • สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
    • สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
  • ข่าวความงามของพระลอได้ร่ำระลือไปถึงนครสรอง อันเป็นเมืองที่ท้าวพิชัยวิษณุกรครองอยู่ และมีราชธิดาที่มีโฉมสะคราญอยู่สองพระนาง คือ พระเพื่อน กับ พระแพง 
  • ความงามของพระลอที่ล่ำลือกันนั้น ได้ยินไปถึงหูพระเพื่อนพระแพง ทำให้เกิด ความสนใจ ใคร่จะได้ยลโฉมของพระลอจนเห็นเป็นที่ผิดสังเกตของพี่เลี้ยง คือ นางรื่น กับ นางโรย 
  • เพื่อให้เจ้านายทั้งสองของตน คลายความว้าวุ่นลง สองพี่เลี้ยงจึงรับอาสาจะติดตาม เจ้านายไปพบพระลอให้จงได้ 
  • นางรื่นและนางโรยจึงได้ส่งคนจากเมืองสรองเข้าไปขับซอใน นครแมนสรวงซึ่งเป็นเมืองของพระลอ และได้พรรณนาถึงความงามของพระเพื่อน พระแพงเจ้านายของตน ขณะเดียวกันก็ได้ไปหาปู่เจ้าสมิงพราย เพื่อช่วยให้ทำเสน่ห์ให้พระลอหลงไหล
  • อำนาจเสน่ห์ของปู่เจ้าสมิงพรายขลังนัก ดังนั้น เมื่อต้องมนต์เสน่ห์ก็ทำให้พระลอยากจะได้ ยลโฉมพระเพื่อน พระแพง เกิดความคลั่งไคล้ไม่เป็นอันเสวยพระกระยาหารใด ๆ ทั้งสิ้น 
  • เมื่อพฤติการณ์ของพระลอเปลี่ยนไปดังนี้ จึงทำให้พระราชชนนีสงสัยว่าจะมีผีเข้าสิงสู่ ครั้นหา หมอผีมาทำพิธีขับไล่ก็ไม่เป็นผล
  • ด้วยความหลงใหลใคร่จะได้ยลโฉมพระเพื่อน พระแพงผู้เลอโฉม พระลอจึงออก อุบายทูลลาพระราชชนนีออกประพาสป่าโดยอ้างว่าเพื่อจะเป็นการผ่อนคลายความโศกาอาดูรลงได้บ้าง ด้วยความห่วงพระลอ พระโอรส พระชนนีจึงได้ทรงเตือนสติพระลอว่า..
    • ร้อยชู้ฤๅเท่าเนื้อ เมียตน
    • เมียแล่พันฤๅดล แม่ได้
    • ทรงครรภ์คลอดเปนคน ฤๅง่าย เลยนา
    • เลี้ยงยากนักท้าวไท้ ธิราชผู้มีคุณ ฯ
  • แต่ทว่าจุดหมายที่แท้จริงของพระลอนั้น ก็เพื่อจะหาโอกาสไปพบกับพระเพื่อน พระแพง ต่างหาก จากนั้นพระลอก็ได้ออกเดินทางมุ่งไปสู่เมืองสรอง พร้อมด้วยบ่าวสนิท 2 คน คือ นายแก้ว กับ นายขวัญ พร้อมด้วยไพร่พลอีกจำนวนหนึ่งบุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาลงห้วยจนกระทั่ง ลุถึงแม่น้ำสายหนึ่ง มีชื่อว่า แม่น้ำกาหลง
  • ที่แม่น้ำกาหลงนี้ พระลอได้ตั้งสัตย์อธิษฐานเสี่ยงน้ำเพื่อตรวจดูดวงชะตาของพระองค์ พอสิ้นคำอธิษฐานในบันดล สายน้ำในแม่น้ำกาหลง ก็พลันเกิดเป็นสีแดงประหนึ่งสีเลือด ไหลวนเวียนผิดปกติ อันแสดงให้ประจักษ์ว่าในภาย
  • ภาคหน้าจะเกิดเหตุร้ายแก่พระองค์ อย่างแน่แท้ กระนั้น ก็ตามก็หาทำให้พระลอเกิดหวาดหวั่นย่อท้อพระทัยแต่อย่างใดไม่ กล่าวถึงฝ่ายพระเพื่อน พระแพง สองนางผู้เลอโฉม เฝ้าแต่รอคอยข่าวการเดินทาง มาสู่เมืองสรองของพระลอ
  • ด้วยความกระวนกระวายใจ เกรงว่ามนต์เสน่ห์ของปู่เจ้าสมิงพราย จะคลายความขลังลง จึงได้ให้ปู่เจ้าสมิงพรายเนรมิตรไก่งามขึ้นตัวหนึ่ง ที่มีเสียงขันไพเราะจับใจ ไปหลอกล่อพระลอให้เกิดความหลงใหลในไก่งามตัวนั้น
  • เพื่อพระลอจะได้ติดตามไก่เนรมิตมา ยังเมืองสรอง เหตุการณ์ก็เป็นไปดังใจหมาย พระลอก็ได้ติดตามไก่เนรมิตไปจนถึงอุทยานของ พระเพื่อน พระแพง ณ ที่นั้นเอง พระองค์ก็ได้พบกับพระเพื่อน พระแพงซึ่งกำลังทรงสำราญ อยู่ในอุทยาน
  • ทางฝ่ายบ่าวของพระลอ 2 คน คือ นายแก้ว กับ นายขวัญ ก็ได้พบกับนางรื่นกับ นางโรย และในที่สุดทั้งหมดก็มีความสนิทสนมเสน่หาผูกสมัครรักใคร่กัน
  • ทางด้านพระเจ้าย่า ซึ่งเป็นพระราชชนนีของท้าวพิชัยฯ และเป็นย่าของพระเพื่อน พระแพง เมื่อทราบเรื่องราวก็ทรงแค้นเคืองยิ่งนัก
  • ด้วยความอาฆาตในเรื่องราว เป็นมาแต่ หนหลัง เพราะขณะที่สองนคร คือ นครแมนสรวงกับนครสรองเกิดทำสงครามกันเช่นนั้น พระราชบิดาของพระลอ คือ ท้าวแมนสรวงได้ฆ่าพระราชสวามีของพระเจ้าย่า
  • ด้วยความอาฆาตแค้น พระเจ้าย่าจึงได้แอบอ้างคำสั่งท้าวพระพิชัยวิษณุกร พระราชบิดาของพระเพื่อนพระแพงดังกล่าว จึงสั่งให้ทหารลอบบุกเข้าไปในเขตพระราชฐาน เพื่อพิฆาตพระลอ
  • นายแก้ว นายขวัญ และนางรื่น นางโรย ได้รู้เรื่องเสียก่อน จึงออกต้านทานช่วยเหลือ เจ้านาย จนกระทั่งถึงแก่ความตาย
  • ฝ่ายพระลอและพระเพื่อนพระแพงก็ได้ออกทำการต่อสู้ ขณะที่พระลอกำลังทำการสู้รบนั้น ทหารก็ระดมยิงด้วยธนูราวกับห่าฝน และด้วยความจงรักภักดีต่อพระลอ
  • พระเพื่อนพระแพงเกรงว่าคนรักของตนจะมาเสียชีวิตด้วยลูกธนู นางจึงถลาเอาตัวเอง ออกรับลูกธนู ทั้งสามพระองค์จึงต้องถูกยิงด้วยลูกธนูสิ้นพระชนม์อยู่ตรงนั้นเอง นี่แหละเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักซึ่งมิใช่เกิดขึ้นในวรรณคดีเท่านั้น
  • ความรักของหนุ่มสาวเหมือนโคถึก ที่ถูกขังเอาไว้ ยิ่งมีอุปสรรคก็ยิ่งท้าทายไม่กลัวไม่เกรงแม้อันตราย จะเกิดแก่ตนยังจะกระโจนโลดแล่นเข้าหา เป็นอุทาหรณ์สำหรับหนุ่มสาว
  • ที่กำลังรักและหลงควรยับยั้งชั่งใจเอาไว้บ้าง คงไม่ต้องเกิดเรื่องราวรักเศร้าร้าวฉานดังเรื่องของพระลอและพระเพื่อน พระแพงดังกล่าว...
    • ค ว า ม รั ก เ ป็ น สิ่ ง ดี ง า ม..
    • แ ต่ ค ว า ม ห ล ง ต ร ง ข้ า ม